“
หลอดไฟ” ถือเป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้านที่ทุกสถานที่ไม่มีไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันหลอดไฟได้พัฒนาไปไกลเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของแต่ละสถานที่และผู้คนในยุคปัจจุบัน แน่นอนว่าหลายคนก็คงมีความสับสนอยู่ไม่น้อยว่าควรเลือกใช้หลอดประเภทไหน และหลอดแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะพาไปรู้จักหลอดไฟแต่ละประเภทให้หายสงสัยกัน
หลอดไส้หรือหลายคนอาจจะเรียกว่าหลอดวงเทียน เป็นหลอดที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนานและหลายคนคุ้นเคยกันดี มีทั้งแบบแก้วและแบบฝ้าให้เลือกใช้งาน แสงไฟที่ได้จะมีความคล้ายกับแสงเทียน แต่เมื่อมีความร้อนสะสมในหลอดมาก ๆ อายุการใช้งานก็จะยิ่งสั้นลง อีกทั้งยังเป็นหลอดที่กินไฟค่อนข้างสูงมากอีกด้วย
หลอด LEDLED ถือเป็นหลอดที่เราคุ้นเคยกันดีเพราะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะกินพลังงานน้อยกว่า แต่กลับให้แสงสว่างที่มากกว่า หลักการทำงานคืออิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่ภายในสารกึ่งตัวนำ ข้อดีของ LED คือ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ประหยัดพลังงาน ไม่มีการเผาไส้หลอด การกระพริบของหลอดน้อยมากจึงช่วยถนอมสายตาได้ดี ที่สำคัญราคาไม่แพง เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟที่มีความสว่างกว่าหลอดไส้มากถึง 5 เท่า อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่าหลอดไส้หลายเท่าตัว จึงยังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน การทำงานของหลอดประเภทนี้ก็คือเมื่อกระแสไฟฟ้าเคลื่อนผ่าน ปรอทจะปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบรังสีอัลตราไวโอเลต และเมื่อกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ หลอดก็จะเปล่งแสงออกมา เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปหรือติดไว้ภายนอกอาคาร
หลอดฮาโลเจนเป็นประเภทหลอดที่พัฒนามาจากหลอดไส้ แต่จะมีความทนทานและอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ปกติ ซึ่งเป็นหลอดที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างมากกว่าปกติ เช่น มุมอับของบ้านหรืออาคาร พื้นที่ที่ใช้ตั้งโชว์หรือจัดแสดงสินค้า เป็นต้น
หลอด HIDเป็นหลอดที่ให้ความสว่างสูงมาก ที่เหมาะสมกับการนำไปใช้คู่กับไฟถนน สนามกีฬาต่าง ๆ รวมถึงป้ายโฆษณา เพื่อให้พื้นที่เหล่านั้นมีความสว่างและโดดเด่นขึ้นมา
หลอดเรโทรหรือหลอดวินเทจเป็นหลอดไฟที่มีความคล้ายคลึงกับหลอดไส้ แต่สว่างมากกว่าและประหยัดไฟมากกว่าหลอดไส้ มักนิยมนำมาใช้ในการตกแต่งสถานที่ต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ อาคารบ้านเรือน
และทั้งหมดนี้ก็คือประเภทของหลอดไฟยอดนิยมที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สงสัยหรือกำลังมองหาหลอดไฟที่ตอบโจทย์มาไว้ใช้งานอยู่